การฝึกสมรรถภาพทางกาย เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับตัวเราเอง และทำให้เราดีขึ้นและดีกว่าผู้แข่งขันคนอื่นได้ แต่สิ่งที่เราถนัด นั่นคือการที่เราซ้อมเลียนแบบคนอื่น แล้วเราก็ไม่ดูสภาพตัวเองเลย นี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่หลายๆ อย่างว่าทำไมเราถึงยังสู้เขาไม่ได้ รู้อยู่เสมอว่านักกีฬาไทยเรา ผู้ฝึกสอนไทยเรา พยายามเรียนรู้โดย ในการพยายามซ้อมเลียนแบบคนอื่น มาตลอด เรานำมาใช้แต่เรากลับไม่รู้ว่าหลักการและวิธีการที่นำไปสู่การปฏิบัติอย่างไรให้นักกีฬาเราดีขึ้น เหมาะสมกับนักกีฬาเรา แล้วนำไปใช้ได้
เหมือนความสำคัญของการฝึกซ้อม ไม่ใช่อยู่ที่ตัวรูปแบบมันอยู่ที่หลักการที่จะนำไปสู่วิธีการจะนำไปปฏิบัติอย่างไร ให้มีประโยชน์ตรงตามเป้าหมายเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวผู้ฝึกสอนเอง ตัวนักกีฬาเอง ก็ต้องรู้ว่าสภาพร่างกายเราเป็นอย่างไร แล้วเราจะซ้อมอย่างไรให้เหมาะกับร่างกายของเรา การที่เราไปลอกเลียนแบบคนอื่นและนำมาใช้กับตัวเรา ต้องถามตัวเองก่อนว่า พื้นฐานการฝึกซ้อมเราเหมือนเขาหรือเปล่า
ถามว่าที่ซ้อมตรงกับจุดมุ่งหมายหรือเปล่า ตรงนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากๆ มันไม่หมายความว่าทุกอย่างต้องมาทำตามคนอื่นเขา เราจะเห็นว่าในการแข่งขันในระดับนานาชาติ ต่างคนต่างฝึกซ้อม และทีมที่ชนะ หรือคนที่ชนะ หรือใคร คือคนที่ซ้อมได้ดีที่สุด แล้วคำว่าดีที่สุดนั้นมาจากไหนล่ะ มันมาจากหลักการ คุณจะซ้อมอะไร คุณจะซ้อมความเร็ว ความคล่องตัว คุณจะซ้อมอย่างไร คุณจะซ้อมความแข็งแรง คุณจะซ้อมอย่างไร คุณจะซ้อมกำลัง คุณจะซ้อมอย่างไร กีฬาของคุณมีลักษณะการเคลื่อนไหวแบบไหน คุณจะออกแบบการซ้อมอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง มันไม่หมายความว่าไปเลียนแบบเขามาแล้วจะชนะเขา นี่คือปัญหาใหญ่ ที่เราจะเห็นในวงการกีฬาไทย อย่างที่อบรมมา ในทีมชาติไทย เราจะเห็นว่า นักกีฬาไทย ผู้ฝึกสอนไทย ใครที่เป็นแชมป์ เราจะนำมาเลียนแบบหมด ถามว่ามันจำเป็นหรือเปล่า ในแง่ของหลักการโค้ช การเป็นโค้ชเราไม่ได้สอนให้ไปเลียนแบบคนอื่น แต่ต้องสอนให้รู้ว่าคืออะไร เพราะฉะนั้นการที่อยากจะเป็นแชมป์ก็ไม่จำเป็นต้องซ้อมเหมือนแชมป์ แต่คุณซ้อมอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง และคุณต้องรู้ว่าวิธีการซ้อม จุดมุ่งหมายของการซ้อมคืออะไร ไม่ใช่ไปจำรูปแบบเขามา ว่าเขาทำแบบนี้ เราก็ทำตามเขา มันอาจจะไม่ได้เหมือนเขาก็ได้